ระยะหลังๆมานี้ผมชอบสั่งซื้อสินค้าออนไลน์บ่อยมาก...
บางครั้งสินค้าชิ้นละสามสิบกว่าบาท...
เขาก็ยังมาส่งให้...แน่นอนถ้ารวมค่าขนส่งเข้าไป...
รวมๆกันเป็นหก...เจ็ดสิบบาท...
เมื่อเทียบกับต้องออกไปหาซื้อเอง...ราคาแค่นี้รับไหวสบายมาก...
พอแกะห่อออกดู...สินค้ามาไกลจากเมืองจีนเลยนะนั่น...
ประเด็นคือค่าขนส่งแค่สามสิบกว่าบาท...
เล่นเดินทางมาซะค่อนโลก...เขาทำได้อย่างไร...
ในทางกลับกันเมื่อไรก็ตาม...ที่ผมสั่งอาหารผ่านไลน์แมน...
แม้ระยะทางใกล้ๆ...อาจต้องโดนชาร์จค่าส่งประมาณร้อยกว่าบาท...
เผลอๆแพงกว่าค่าอาหารซะอีก...
เมืองจีน...สามสิบกว่าบาท...
เมืองไทยไม่เกินสิบกิโล...ระหว่างร้านกับบ้านผม...ร้อยกว่าบาท...
คำถาม...อะไรคือ “ความต่าง”...
ด้วยความที่ตัวเองก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน...
เวลาที่เขาโทรมาคอนเฟิร์มว่าให้ไปส่งที่ไหน...
ก็เลยบอกว่าให้เข้ามาในรั้วแล้ววางไว้ตรงประตูบ้านเลย...
ระยะหลังๆ...เขาถามเลยว่าจะให้วางไว้ที่เดิมหรือเปล่า...
แสดงว่าพนักงานมาส่งของน่าจะมีไม่กี่คน...
วิ่งในเส้นทางนี้เป็นประจำ...
ผมเลย “อนุมาน” เอาว่า...
ที่เขาสามารถส่งสินค้าได้ในราคาที่ถูกแบบนี้...
น่าจะมาจากการที่เขากำหนดเส้นทางการส่งสินค้า...
ให้เหมือน “รถประจำทาง”...
มีกำหนดการวิ่งที่แน่นอนในแต่ละวัน...
เช่น...วันจันทร์ต้องส่งสินค้าแถวๆ ถ.ติวานนท์...
วันอังคาร...เส้นแจ้งวัฒนะ...
เพราะฉะนั้นสินค้าจะมากหรือน้อย...เขาโดน Fixed Cost แน่ๆ...
ถ้าจำนวนสินค้ามากๆ...ใช้รถกระบะขนมาทีเดียว...
พอเฉลี่ยต้นทุนค่าขนส่งต่อชิ้นมันเลยถูก...
ส่วนการสั่งอาหารออนไลน์...จะแตกต่างกัน...
ค่าขนส่งจะเป็นการคิดครั้งต่อครั้ง...ต้นทุนมันเลยสูงมาก
เพราะเป็นการวิ่งส่งสินค้าที่ “ไม่ประจำทาง”...
แล้วเราจะปรับใช้แนวคิดนี้กับธุรกิจเราได้หรือไม่...
ผมเคยวางกลยุทธ์นี้ให้กับธุรกิจแห่งหนึ่งครับ...
ซึ่ง Key Success อยู่ที่ความถี่ในการส่งสินค้า...
เพราะสินค้าตัวนี้ต้องส่งของบ่อย...มีความถี่ค่อนข้างแน่นอน...
สินค้ามีความแตกต่างกันน้อยมาก...ผู้บริโภคไม่ติดกับแบรนด์...
ขืนไปไม่สม่ำเสมอ...งานนี้มีสิทธิ์ที่จะโดนคู่แข่งงาบเอาไปกิน...
ลองนึกดูนะครับว่า...ถ้ากลับบทบาทกัน...
จากตัวท่านเองที่เป็น “ผู้ขาย” กลายมาเป็นร้านค้าที่กำลังเฝ้ารอซื้อสินค้าท่านอยู่...
พอสั่งออเดอร์ไปแล้วแต่กลับไม่แน่ใจเลยว่า...
สินค้าจะมาลงให้วันไหน...ขืนขาดสต๊อกละก็...
ผู้บริโภคได้หันไปซื้อเจ้าอื่นแน่ๆ...
ปัญหาที่สำคัญของผู้ประกอบการที่ผมเจอบ่อยๆ...
ก็คือ...ต้องรอให้ลูกค้าซื้อหลายๆเจ้าในเส้นทางนี้ก่อน...
ถึงจะ “คุ้ม” ที่จะไปส่ง...
บอกได้เลยว่าตรรกะการคิดแบบนี้เป็นการมองธุรกิจที่มองสั้นเกินไป...
สิ่งที่ตามมาก็คือ...ลูกค้าก็หดหายไปทุกวันๆ...
เพราะโดนคู่แข่งมายึดพื้นที่ไป...
ดังนั้นผมจึงเร่ิมดำเนินกลยุทธ์ “รถประจำทาง”...
โดยวางเป็น 4 ขั้นตอน ดังนี้...
ขั้นตอนที่ 1: เข้าไปดูจำนวนร้านค้าทั้งหมดในระบบ...
โดยเจาะเข้าไปดูแต่ละพื้นที่...
ดูซิว่าพื้นที่ไหนที่เราพอมีร้านค้าอยู่แล้ว...แต่มีรอบการส่งที่ไม่สม่ำเสมอ...
ขั้นตอนที่ 2: สำรวจพื้นที่ใน google Map...
ในพื้นที่นั้นมันมีชุมชน...หมู่บ้าน...
หรือถนนหนทางนี้มันต่อไปทางไหนได้อีกหรือไม่...
สมมุติว่ามันพอมีชุมชนอยู่บ้าง...
เราก็พอสันนิษฐานได้ว่าน่าจะมีร้านค้าอยู่...
ล๊อคเป้าหมายนี้ไว้ก่อน...
ขั้นตอนที่ 3: ลงพื้นที่สำรวจจริง...
พอล๊อคพื้นที่ได้แล้ว...ขั้นตอนนี้คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุดครับ...
คือการลงสำรวจพื้นที่จริง...แล้วเก็บข้อมูลที่สำคัญๆ...เช่น...
ตอนนี้เขาซื้อสินค้าอยู่กับใคร...รอบส่งวันไหน...
ปริมาณยอดสั่งซื้อในแต่ละรอบ...
ขั้นตอนที่ 4: วางแผนเพื่อจัดเส้นทางการส่งสินค้า + รายการพิเศษ...
พอได้ข้อมูลที่สำคัญๆมาแล้ว...ถึงคราวที่กลับมานั่งวางแผน...
เพื่อออกไปเสนอขาย...
กลยุทธ์ที่อาจจะใช้เพื่อให้ลูกค้าหันมาซื้อสินค้าของเรา...
อาจจะเป็นการตัดราคาสู้...รายการสะสมยอดซื้อ...
ที่สำคัญเราต้องให้คำมั่นสัญญากับลูกค้าให้ได้ว่า...
รอบการส่งสินค้าของเราจะเป็นวันไหน...เอาให้แน่ๆ...
งานนี้แบ่งเป็น 2 กรณี...
กรณีแรก..ถ้าคู่แข่งมีรอบการส่งที่ไม่แน่นอน...
แบบนี้ค่อนข้างง่ายหน่อย...
ขอให้จัดเส้นทางส่งของเป็นแบบ “รถประจำทาง” ให้ได้...
เด๊ยวลูกค้าเขาก็เปลี่ยนใจมาใช้บริการของเราเองครับ...
กรณีที่สอง...ถ้าคู่แข่งมีรอบการส่งสินค้าแน่นอน...
เราอาจต้องส่งสินค้าให้เร็วกว่า...
เช่น...คู่แข่งส่งสินค้าวันพุธ...
ของเราเกทับไปเลยครับว่า...เราจะส่งสินค้าทุกๆวันอังคาร...
แล้วใช้กลยุทธ์ตัดราคา...เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น...
แน่นอน...เราอาจจะบาดเจ็บบ้างในช่วงแรก...
เพื่อเราต้องสร้างฐานลูกค้าในเส้นทางนั้นให้ได้ก่อน...
แก้ปัญหาไปทีละเปลาะๆ...กำไรมากบ้าง...น้อยบ้าง...
อาจต้องมองผ่านไปก่อน...อย่าเอากำไรสูงๆมาเป็นตัวตั้ง...
เมื่อไรก็ตามที่เรามีจำนวนลูกค้าเพิ่มมากขึ้นในเส้นทางนั้น...
แม้กำไรต่อหน่วยอาจจะน้อยลง...แต่เมื่อเทียบกับยอดขายที่มากขึ้นแล้ว...
กำไรที่เป็นเม็ดเงินย่อมมากขึ้นแน่...
ระยะยาวยังไงก็คุ้มครับ...
บทความและเนื้อหาทั้งหมดนี้ไม่มีลิขสิทธิ์...
สามารถเผยแพร่ได้โดยสะดวกครับ...
-บุ้ง ดีดติ่งหู-
Marketing&Sales Consultant
The Underdog Marketing
Line id: wichawut_boong
email: [email protected]
Phone: 089-7991949
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า