สมัยก่อนตอนที่เป็นเซลส์ พอใกล้ๆสิ้นเดือนหลังจากปิดตัวเลขยอดขายในเดือนนี้เสร็จ เจ้านายก็ให้เหล่าบรรดาเซลส์ช่วยทำตัวเลขประมาณการของยอดขายเดือนหน้า (Sales Forecast) บ่อยครั้งที่ผมก็ทำส่งๆไป เพราะไม่ได้เห็นความสำคัญอะไรมากนัก
ปัจจุบันนี้พอมาทำเป็นที่ปรึกษาอิสระด้านการขาย ความเข้าใจผิดเรื่องนี้ของบรรดาเซลส์แมน ก็ยังคงมีอยู่เช่นเดิม
บทความนี้เลยอยากจะรวบรวมความเข้าใจผิดในเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง
1.ไม่กล้า Forecast เยอะ เพราะเดี๋ยวยอดขายไม่ได้ตาม Forecast เจ้านายจะด่า!
อันนี้เข้าใจผิดอย่างแรง การวัดผลจาก Forecast กับ ยอดขายจริง ไม่ได้อยู่ที่ยอดขายมากหรือน้อยเมื่อเทียบกับตัวเลข Forecast ที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ แต่มันขึ้นอยู่กับ “ความแม่นยำ”Forecast ต่างหาก
ตัวเลข forecast ต่ำกว่า Actual Sales มากๆ อาจทำเกิดปัญหาหลายอย่างก็ได้ เช่น...
✅สต๊อกสินค้าไม่พอขาย,
✅ฝ่ายผลิตทำของส่งให้ไม่ทัน,เสียโอกาสการขาย เผลอๆลูกค้าเอาคู่แข่งมาเสียบแทน
✅ต้นทุนการผลิตอาจสูงขึ้นเนื่องจากวัตถุดิบไม่พอ จนต้องสั่งวัตถุดิบด้วยความรีบด่วน และอาจต้องเสียค่าขนส่งแพงขึ้น
2. ต้องแม่นยำ 100%
เมื่อไรก็ตามที่ยอด Actual Sales ได้เท่ากับ Sales Forecast พอดีเป๊ะ เป็นไปได้ว่า....
✅เซลส์อาจเลี้ยงตัวเลข หรือเก็บตัวเลขยอดขายไว้เดือนหน้า
✅ทำ Sales Forecast ตามหลัง Actual Sales หมายถึงขายก่อน แล้วนำตัวเลขมา Forecast
✅โดยปรกติผู้บริหารฝ่ายขายจำเป็นต้องกำหนด Margin of Error ไว้ เช่น +/- 10% จากยอด Forecast
3. Forecast ไม่ใช่การแบ่งเป้า
✅เซลส์หลายท่านสามารถ Forecast ได้เป๊ะๆ เหตุเพราะเกิดจากเอาเป้า (Sales Target) กลายมาเป็น Forecast ซะงั้น
✅ถ้าเดือนไหนทำตัวเลขได้ตามเป้า ก็ Forecast ตรง ทั้งๆที่ความจริง Sales Forecast กับ Sales Target มันเป็นคนละเรื่อง
✅SalesTarget ต้องการให้ถึงหรือเกินจากเป้า
แต่ Sales Forecast เราต้องการความแม่นยำ
4. ใช้แค่ฝ่ายขายอย่างเดียว ฝ่ายอื่นไม่เกี่ยว อันนี้ไม่จริงอย่างแรง
✅ฝ่ายผลิต>> ได้เตรียมวัตถุดิบ, เตรียมแรงงานให้พอ
✅ฝ่ายการเงิน >> ได้ประมาณการยอดรายรับล่วงหน้า จะได้วางแผนการเงินได้ถูกต้อง
✅ฝ่ายขนส่ง >> เตรียมรถขนส่งได้เพียงพอ, ถ้าดูแล้วเดือนหน้ายอดขายเยอะจริง
✅ฝ่ายบุคคล >> ขายเยอะก็ต้องใช้คนงานในไลน์ผลิตเยอะ
✅ฝ่ายคลังสินค้า >> จะได้เตรียมพื้นที่จัดเก็บสำรอง กรณีที่ประเมินแล้วว่ายอดขายมาเต็มข้อ
5. อาศัยแค่ข้อมูลในอดีตเท่านั้น
ข้อมูลในอดีตเป็นเพียงแค่ชุดตัวเลขหนึ่งเท่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตเป็นเพียงแนวทางเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ การเล็งเห็นถึงปัจจัยในอนาคตด้วย เช่น...
✅รู้แล้วว่าเดือนหน้างบประมาณของรัฐบาลจะเบิกจ่ายได้,
✅ลูกค้าของเราในเดือนหน้า Deal กับลูกค้ารายใหญ่ได้ แบบนี้ก็ต้องเตรียมสต๊อกไว้ก่อน
✅Key Customer ของเราตอนนี้มีปัญหาเรื่องหมุนเงินไม่ทัน ต้องลดจำนวน Order
✅คู่แข่งของเรา ออกโปรโมชั่นตัวแรง แบบนี้ก็ต้องดูว่าเราจะได้ส่วนแบ่งการขายคืนมาเท่าไรในลูกค้าแต่ละราย
6.เป็นหน้าที่ของผู้จัดการฝ่ายขาย
✅การ Forecast ยอดขายที่ดีที่สุดต้องมาจากเซลส์แมน เพราะเป็นคนที่ต้องรู้ความเคลื่อนไหวของลูกค้ามากกว่า Sale Manager
✅ถ้าไม่สามารถ Forecast ลูกค้าทุกรายได้ ก็เอาแค่ลูกค้าที่เป็นลูกค้าหลักที่มีรวมกันแล้วมีสัดส่วนการขาย 80% ของยอดขายทั้งหมดก็ได้ ตามหลัก 80/20
บทความนี้สามารถเผยแพร่ได้ตามที่เห็นสมควร
😁😁😁
-อ.บุ้ง ดีดติ่งหู-
Marketing&Sales Consultant
Underdog Consulting Co.,ltd.
Line id: wichawut_boong
Email: [email protected]
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า