?สมัยก่อนตอนที่ทำงานประจำในบริษัทฯอินเตอร์ใหม่ๆ บรรดาหัวหน้างานมักจะเป็นชาวต่างชาติ ก็ได้เห็นวิธีการทำงานที่ค่อนข้างเป็นระบบ แต่สิ่งที่ได้เรียนรู้มากที่สุด น่าจะเป็นเรื่องวิสัยทัศน์
นึกมาตลอดว่าทำไมฝรั่งพวกนี้ถึงเก่งจัง ทั้งในแง่ของความคิด และวิธีทำงาน ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะคนที่ถูกส่งมาอยู่เมืองไทยได้ คงจะเป็นคนฝีมือดี ไม่งั้นบริษัทฯแม่คงไม่ส่งมาแน่ๆ
ส่วนหนึ่งที่เขามีวิสัยทัศน์กว้างไกลแบบนี้ น่าจะเกิดจากการที่เขาเห็นอะไรก่อนบ้านเรา บ้านเขาเมืองเขาพัฒนามาอย่างไรก็นำมาปรับใช้
?มาจนถึงปัจจุบันที่ตัวเองได้มีโอกาสไปเปิดหูเปิดตาเมืองนอกได้บ้าง ประกอบกับข้อมูลทั้งออนไลน์และออฟไลน์ตอนนี้ก็มีอย่างท่วมท้น ดังนั้นทำให้พัฒนาเรื่องวิสัยทัศน์ (Vision) เพื่อไปกำหนดยุทธศาสตร์ (Grand Strategy) ได้เฉียบคมยิ่งขึ้น
?วันก่อนได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่ได้พูดถึงเรื่องยุทธศาสตร์การพัฒนา รวมไปถึงแง่มุมที่แข่งขันอย่างเอาเป็นเอาตาย จากประเทศยักษ์ใหญ่ของสองซีกโลก อเมริกา และ จีน
ผู้เขียนเล่มนี้ได้เปรียบเทียบยุทธศาสตร์ที่ว่าเอาไว้ใน 3 หัวข้อ เรียกย่อๆว่า “3D” ได้แก่
✅Decoupling: ศึกแย่งห่วงโซ่การค้า
✅Digitalization: ศึกด้านเทคโนโลยี่
✅Decarbonization:ศึกด้านพลังงานสะอาด
แน่นอนเนื้อหาจะเป็นเรื่องในภาพใหญ่มากๆ แต่เชื่อว่าธุรกิจนำมาใช้เป็นยุทธศาสตร์ได้แน่ เพราะเป็นสิ่งที่มหาอำนาจทั้งสองประเทศกำลังพัฒนาอยู่ ยังไงซะทิศทางของโลกน่าจะมาในแนวทางนี้แน่
✅Decoupling : ยุทธศาสตร์ด้านห่วงโซ่การค้า
จะว่าถึงเรื่องของ Demand กับ Supply เป็นหลักตั้งแต่วัตถุดิบ ไปจนถึงกระบวนการหลังการขาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในตัวสินค้า
ดังนั้นSME อย่างเราๆท่านๆ ควรหันกลับมาถามตัวเองในเรื่องสำคัญๆ เช่น
ตอนนี้สินค้าหรือบริการของท่านยังคงทันสมัย ตอบสนองกับความต้องการของคนในโลกอนาคตหรือไม่ หรือกำลังจะโดน Disrupt จากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป
▪️สินค้าคู่แข่งเขาจะตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีกว่า?
▪️สินค้าตัวใหม่ๆของเราสามารถกระตุ้นให้เกิดความต้องการใหม่ๆ?
▪️ทำอย่างไรเพื่อให้สินค้าส่งต่อไปหาลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
▪️โลกยุคนี้เข้าสู่การค้าขายแบบ E-Commerce แล้ว บริษัทฯเราได้เร่ิมแล้วหรือยัง?
▪️ทำอย่างไรให้สินค้ามีต้นทุนที่ถูกกว่าเดิม แต่ยังคงรักษาคุณภาพไว้ได้
▪️มีการปรับปรุงวิธีการผลิต,การจัดส่งให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น?
ยกตัวอย่างล่าสุดบ้านผมเอง ก็อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรขนาดกลางๆ ใช้บริการน้ำดื่มแบบถังก็ใช้บริการต่อเนื่องมานานหลายปี เนื่องจากไม่ค่อยได้อยู่ติดบ้านเท่าไร เลยไม่เคยเห็นซักทีเวลาที่เขาเอานำ้มาส่งให้
เผอิญมีอยู่วันหนึ่งอยู่บ้านพอดี ก็เห็นรถส่งน้ำยี่ห้อเดียวกันนี้แหละผ่านหน้าบ้าน แต่คราวนี้มาแปลกไม่ยอมแวะมาส่งน้ำ ไปส่งบ้านอีกหลังที่อยู่ถัดไป 2 หลัง ทีแรกก็คิดว่าเขาจะย้อนกลับมาส่งให้ แต่เปล่าเลยรถคันนี้ผ่านหน้าบ้านไปเฉย??
ที่ไหนได้อีกประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ก็มีรถเอาน้ำมาส่งให้ เลยถามว่าตะกี้ลืมเหรอ เขาบอกว่า “เปล่าครับ” ตะกี้เป็นรถอีกคัน บ้านโน้นเป็นเขตการส่งของรถอีกคัน ส่วนบ้านพี่เป็นเป็นเขตการส่งของผมครับ แต่ทั้งสองคันมาจากบริษัทฯเดียวกันก็ออกมาพร้อมกันนี่แหละ
เอ้อเน๊อะ...แปลกดี ไม่รู้ว่าเขามีเหตุผลพิเศษอะไรหรือเปล่า รู้อย่างเดียวว่าแบบนี้ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไรในเรื่องของประสิทธิภาพ ในสายตาของคนภายนอก??
ยุทธศาสตร์ข้อนี้นับว่าเป็นสิ่งที่ SME ต้องวางเป็นอันดับแรก และใกล้ต้วที่สุด เข้าใจว่าน่าจะมีหลายเรื่องมากๆ จำเป็นต้องแยกย่อยออกมาเป็นหลายกลยุทธ์ และจัดลำดับความสำคัญ
✅Digitalization: ยุทธศาสตร์ด้านเทคโนโลยี่
ยุทธศาสตร์นี้อาจวางไว้เป็นแผนระยะกลาง เพราะจำเป็นต้องใช้เวลา ยกเว้นเทคโนโลยี่ที่ปัจจุบันคู่แข่งเขาเร่ิมไปแล้ว แต่เรายัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ไปเกี่ยวพันกับลูกค้าหรือผู้บริโภคโดยตรง เช่น การค้าขาย หรือการใช้สื่อออนไลน์ แนะนำให้เริ่มทันที
ส่วนในเรื่องของการบริหารงานภายใน ปัญหาที่มักเจอบ่อยที่สุดสำหรับธุรกิจที่เติบโตมากๆนั่นคือ “ระบบข้อมูลสำหรับการบริหารงานภายใน" และมีกรอบความคิดที่ว่าก็เพียงแค่ซื้อระบบ ERP มาใช้ ทุกอย่างก็จะแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด
❌บอกได้เลยว่า “ไม่ใช่”❌
เพราะระบบ ERP นั้นเป็นเพียงเครื่องมือที่จะถูกพิจารณาในกระบวนการสุดท้ายเท่านั้น ถ้าบริษัทฯยังไม่มี Flow การทำงานที่ชัดเจน หรือไม่มีการจัดระเบียบข้อมูล ระบบ ERP คงช่วยอะไรไม่ได้เช่นเดียวกัน เหมือนกับคำพูดติดปากของบรรดานักพัฒนาระบบ
“ถ้าเอาขยะเข้าระบบ...ก็ได้ขยะออกมาเช่นกัน”
✅Decarbonization : ยุทธศาสตร์ด้านพลังงานสะอาด หรือการ “รักษ์โลก”
ยุทธศาสตร์นี้ ผู้ประกอบการบางท่านอาจจะดูไกลตัวซักหน่อย แต่เมื่อรู้แนวทางนี้แล้วว่า โลกจะไปทิศทางนี้แน่ ดังนั้นก็ควรจะวางไว้เป็นยุทธศาสตร์ระยะยาว ไม่ใช่ว่าไม่สนใจเลย เช่น
▪️ตอนนี้บรรจุภัณฑ์สินค้ายังเป็นพวกพลาสติก หรือวัสดุย่อยสลายยาก จะออกแบบบรรจุภัณฑ์บางตัวให้ “รักษ์โลก” ก่อนได้หรือไม่ แม้จะไม่ได้กำไรในช่วงแรก แต่ถือว่าเป็นงบลงทุนเพื่อการเรียนรู้
▪️ตอนนี้ขายอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์ ลองส่องๆสินค้าบางตัวที่เป็น Plant Base?
▪️ลงทุนติดตั้งแผงโซล่าเซลส์ เพื่อทดลองใช้ในโรงงานบางส่วน?
ถ้าจะไปให้สุดลิ่มทิ่มประตูจริงๆ ลองกระจายความเสี่ยงธุรกิจไปยังอุตสาหกรรม “รักษ์โลก” ได้หรือไม่
?จากการที่เจอ SME มาหลากหลายวงการ ตัวเจ้าของมักจะยุ่งและหมดเวลาไปกับการแก้ปัญหาปัจจุบัน ยังพูดถึงแต่เดือนนี้ต้องปิดตัวเลขยอดขายให้ได้
หรือไม่ก็สุดโต่งไปอีกทางเสียเวลาไปกับการฝันโน่นฝันนี่ แต่ไม่ได้ลงมือทำอะไรเพื่อวางยุทธศาสตร์ในระยะยาวอย่างเป็นชิ้นเป็นอันซักที?
เพราะข้อจำกัดของการวางยุทธศาสตร์ธุรกิจ เป็นงาน “สำคัญ” แต่ “ไม่เร่งด่วน”ทำให้ผู้ประกอบการมักจะลืม และนี่กระมังที่เป็นสาเหตุหลักทำให้ SME เติบโตได้ยาก
?เพราะมัวแต่ไปทำในสิ่งที่ “สำคัญ+เร่งด่วน” ลองนั่งนิ่งๆแล้วนึกดูนะครับว่า งานไหนที่สำคัญมากๆ แต่ต้องทำในระยะเวลาที่จำกัด
แล้วงานชิ้นนั้นจะมีประสิทธิภาพที่ดีที่สุดได้อย่างไร?
???
บทความนี้ไม่มีลิขสิทธิ์เผยแพร่ได้ตามสะดวก
อ่านย้อนหลังได้ที่ www.underdog.run
-บุ้ง ดีดติ่งหู-
Marketing&Sales Consultant
The Underdog Marketing
Line id: wichawut_boong
Email: [email protected]
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า