ผมเคยเดินสายบรรยายเกือบทั่วประเทศ...
เพื่อไปแบ่งปันแนวคิดการทำตลาดแบบง่ายๆ...
ตามสไตล์ Underdog ที่ถนัด...
ให้กับพี่น้องผู้ประกอบการร้านอาหาร...
สไลด์แรกๆที่ใช้ “จั่วหัว”...
เพื่อเริ่มต้นสัมมนาก็คือ...
เราต้องประเมินตัวเองก่อนว่า...
ร้านของอาหารของท่านนั้น...
ตอนนี้อยู่ในระดับไหนแล้ว...
ระดับที่ 1: เห็นแล้วต้องแวะ...
ร้านของท่านเมื่อมีคนผ่านไปผ่านมา...
เมื่อ “เห็น” มันต้องกระชากใจให้ “แวะ”...
คำถามสำคัญก็คือ...
เมื่อเขาแค่ชำเลืองผ่านตาแป๊บนึง...
มันกระตุ้นให้เขาอยากเข้าไปทดลองชิมหรือไม่...
หรือ...เขาเห็นสิ่งที่เขาอยากจะกินหรือไม่?...
ตรงนี้แหละครับ...
เป็นจุดชี้เป็นชี้ตายของธุรกิจร้านอาหาร...
หลายร้านที่ผมเคยเข้าไปช่วยเหลือด้านการตลาด...
คำถามแรก...ที่ผมถามก็คือ...
ร้านของพี่...เมนูไหนอร่อยสุด...
คำตอบที่ได้รับเหมือนๆกันก็คือ...
“อร่อยทุกอย่าง”....
เอาละ...ผมเชื่อ...
ถ้าอย่างงั้น...ขอถามต่อ...
ร้านอาหารตามสั่ง...เจ้าที่อร่อยที่สุดในเมืองไทย...
คือเจ้าไหน?...
ตัวผมเองยังนึกไม่ออกเลยครับ...ฮ่าฮ่าฮ่า...
เพราะฉะนั้น...เราควรหา Signature Menu…
โดยเลือกมาซัก 2-3 เมนูก็พอ...
แต่ถ้าจะให้โดนจริงๆ...ขอแค่ “หนึ่ง”...
หรือถ้าเราจะขาย Concept ,Theme…
หรือ “เรื่องราว” ของร้านก็ได้ครับ...
แต่มันจะต้อง แตกต่าง...
อย่างมี “นัยสำคัญ”จากร้านอื่น...
ส่วนตัว...เวลาผมจะทำการตลาด...
มักจะใช้ “เนื้อหา” หรือ Content…
ให้น้อยที่สุดครับ...หรืออาจจะเรียกก็คือ...
มันจะต้องมีแค่ Single Message…
ลำพังแค่เนื้อหาเดียว...จะทำให้ดังก็ยากพอดูแล้ว...
ขืนมี Content ที่แตกต่าง...หลากหลาย...
สุดท้ายผู้บริโภคจะจับอะไรไม่ได้เลย...
หลังจากที่เราได้ Content...
ที่ผมเรียกว่าเป็น Key Message…
ที่จะส่งไปถึงกลุ่มเป้าหมายแล้ว...
เราก็ผลิตชิ้นงานเพื่อสื่อสารมันออกมา...
เช่น...ป้ายหน้าร้าน...
ป้ายในร้าน...
วิธีการตกแต่งร้าน...
ป้ายเมนู...
เครื่องแต่งกายของพนักงาน...
ชิ้นงานที่ว่า...ถ้าให้ดี...
เมื่อกลุ่มเป้าหมายผ่านมา...
หรือเห็นเพียงแว๊บเดียว...
มันต้องกระตุ้นให้เขาเปลี่ยนพฤติกรรม...
จากไม่รู้ว่า...ร้านนี้ขายอะไร...
ต้องเปลี่ยนมารู้ทันที...
จากไม่รู้ว่า...ร้านนี้อะไรอร่อย...
เขาต้องรู้ทันที...
จากไม่รู้ว่า...จะมีปัญญาจ่ายมั๊ย...
เขาต้องรู้ว่า...ราคานี้เขาพอจ่ายได้...
สุดท้าย...จากไม่รู้ว่าจะเข้าไปกินดีมั๊ย...
เปลี่ยนมาเป็นเขากล้าจะเข้าผ่านประตูเข้ามา...
ระดับที่ 2: เป็น “เป้าหมาย” ของการกินครั้งต่อไป...
หรือต้องพัฒนาให้เป็น “Destination”...
ผมเชื่อว่า...ธุรกิจร้านอาหารโดยทั่วไป...
จะอยู่ดำรงธุรกิจอยู่ได้...ต้องอยู่กับการ “ซื้อซ้ำ”...
ไม่ใช่กินครั้งเดียวแล้วเลิก...
อาจจะมีข้อยกเว้นอยู่บ้าง...
ประมาณว่า...ไม่มีทางเลือก...
เช่น...ไปหาอะไรกิน...วันสงกรานต์...
หลายร้านปิดหมด...เหลือแค่บางร้าน...
เลยจำเป็นต้องกิน...ไม่งั้นอาจตายหมู่ได้...
หรือร้านของท่านอยู่ในทำเลที่สุดยอด...
เช่น..ตามสถานีรถไฟ...สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ...
ดังนั้น...การยกระดับให้มาอยู่ในเลเวลนี้ได้...
ท่านต้องให้ความสนใจในเรื่องประมาณนี้...
รสชาติอาหาร...อันนี้ผมว่ามาเป็นอันดับหนึ่ง...
ถ้าไม่อร่อย...โอกาสที่เขาจะกลับมากินอีก...
บอกได้เลยว่ายากมาก...
เรื่องต่อไปก็อย่างเช่น...
การบริการ...
ราคาที่สมเหตุสมผล...(ไม่ได้บอกว่าถูกนะครับ)...
ความสะอาด...
การตกแต่งจานให้สมกับราคา...
ระดับ 3: “บอกต่อ”...
เมื่อผ่านด่านระดับ 1 และ 2...
คราวนี้ถึงระดับสุดยอดแล้วครับ...
เพราะลูกค้าเริ่มมีการบอกต่อ...
หรือชวนเพื่อน...ชวนครอบครัว...
มากินที่ร้าน...
ตอนนี้ท่านได้โฆษณาฟรีๆ...
หนำซ้ำ...คนที่โฆษณาให้ท่าน...
ก็เป็นคนที่ได้มากินแล้วจริงๆ...
เวลาเขาแนะนำมันจะน้ำหนัก...
ก็มันมาจากใจเขาจริงๆนี่...
จุดตรงนี้แหละครับ...
ที่กลายมาเป็น Top of Mind ของลูกค้าคนนั้น...
ที่เขาอยากจะแนะนำ...หรือบอกต่อ...
คำถามที่ผมเคยใช้ในห้องสัมมนา...
เพื่อจะตรวจสอบว่า...ร้านไหนอร่อยของจังหวัดนั้นๆ...
เช่น...“เย็นนี้...ผมจะไปกินข้าวที่ไหนดี”
“อยากกินหมูกระทะ...เจ้าไหนอร่อย”...
“เย็นนี้...อยากกินอาหารฝรั่ง...ไปร้านไหนดี”
เชื่อมั๊ยครับว่า...จะมีแค่ไม่กี่ร้านเท่านั้น...
ที่เขาจะแนะนำ...
วันก่อนไปทำธุระแถวๆสุขุมวิท...
สะดุดตากับร้านอาหารร้านหนึ่งครับ...
ต้องบอกก่อนเลยว่า...
ผมไม่เคยรู้จักร้านนี้มาก่อนนะครับ...
ชื่อร้าน “มุมกะเพราจานด่วน”...
มองป๊าดเดียวรู้เลยว่า...
ร้านนี้เมนูเด็ด...ต้องเป็นข้าวราดผัดกะเพราะแน่ๆ...
Content เด็ดๆ...ที่เขาส่งมาผม...
สีแดงปนเขียว...งานนี้เผ็ดร้อน...แถมสีเขียวแซมๆ...
ฟิลลิ่งผัดกะเพรามาก่อนเลย...
“ทวงคืนผัดกะเพรา”...
มันต้องออริจินัลแน่ๆ...ที่อื่นต้องกลายเป็นตัวปลอม...
“ราคา 55 บาท”....
เฮ้ย...พอกินได้..มีปัญญาจ่าย...
ณ วินาทีนี้...ร้านนี้ผ่านระดับ 1 แล้วครับ...
“เห็นแล้วแวะ”...
เมื่อ “มั่นใจ”...ก็ก้าวผ่านประตูร้านเข้าไป...
ถ้าจะสั่งข้าวหมูทอด...ก็กลัวพนักงานจะเคืองเอา...
เมนูมีแค่ผัดกะเพราอย่างเดียวจริงๆครับ...
จะเลือกได้แค่...หมู หรือไก่...
จะใส่ไข่หรือเปล่า...ก็สุดแต่ใจเลย...
ร้านตกแต่งสะอาดสะอ้าน...
มาสไตล์ญี่ปุ่น...มีช่องให้พนักงานเดินตรงกลาง...
เพื่อมาเสริฟ...หรือทำความสะอาด...
รูปร่างหน้าตาผัดกะเพราะเป็นแบบนี้ครับ...
เสริฟมาในถ้วยสไตล์ญี่ปุ่น...ชอบๆๆ
รสชาติอาหารพอได้...
ไม่ใส่ผงชูรส...ใบกะเพราะใหญ่มาก...
กัดได้เต็มคำ...ที่สำคัญไม่ใส่แครอท...ฮ่าฮ่าฮ่า...
สรุปได้ผัดกะเพราะแท้ๆตามที่เขาบอกไว้...
แต่ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้น...ในความคิดเห็นส่วนตัว...
น่าจะปรับปรุงดังนี้...
เพื่อให้ผมได้มีโอกาสกลับมากินอีกเรื่อยๆ...
จนถึงการแนะนำให้คนอื่นมากิน...
1.น่าจะมีน้ำซุปซักหน่อย...
เพราะกินไปนิดเดียวก็ติดคอแล้ว...
2.ในอนาคต...น่าจะเพิ่มเมนูสิ้นคิดของคนไทย...
อีกซัก 2-3 เมนู เช่น...
ข้าวหมูทอด...
คะน้าราดข้าว...
ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า...
แต่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อร้าน...
หรือเพิ่มรูปหน้าร้านในช่วงนี้นะครับ...
ให้เขาจำให้ได้ก่อนว่า...
ร้านนี้ขายอะไร...
จุดประสงค์ของการเพิ่มเมนูก็คือ...
เพื่อจับกลุ่มลูกค้าประจำ...
ให้มีทางเลือกเพิ่มขึ้น...
เขาจะได้กลับมาประจำอีก...
เพราะลูกค้า “น่าจะ” ประจำ (อย่างผม)...
เขาไม่มีทาง “สิ้นคิด” ได้ทุกวันนะครับ...ฮ่าฮ่าฮ่า
บทความทั้งหมดนี้ไม่มีลิขสิทธิ์
สามารถเผยแพร่ได้ตามสะดวกครับ
-บุ้ง ดีดติ่งหู-
Marketing & Sales Consultant
The Underdog marketing
FB: @Boong.marketing
LINE ID: wichawut_boong
email: [email protected]
website: www.underdog.run
Mobile: 089-7991949
#บุ้ง #ดีด #วิชาวุธ #ดีดติ่งหู #ต่ิง #มาร์เก็ตติ้งสุดติ่ง #underdog
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า