บ่อยครั้งที่ผมไปเจอกับผู้ประกอบการ...
ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่....
เวลาเขาจะพูดถึงการสร้างแบรนด์สินค้า...
ท่านเหล่านั้นก็มักจะหมายถึง “โลโก้”...
หรือ “สโลแกน”...ซึ่งผิดมั๊ย...
ก็ไม่ผิดนะครับ...แต่ความหมายอาจจะแคบไปซักนิดนึง...
ผมเลยอยากขยายขอบเขตของคำว่า Branding…
ให้กว้างขึ้นอีกนิดหนึ่ง...
เพื่อเป็นแนวทางการทำเรื่องนี้...
สำหรับพี่น้องชาว SMEs...
ตามกรอบความคิดของผม...
การทำ Branding…
จะประกอบด้วย 2 ส่วนหลักๆ...
1.ส่วนที่สัมผัสได้...ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า...
รูป...รส...กลิ่น...เสียง...สัมผัส...
เช่น โลโก้...หนังโฆษณา...packaging...เพลงประกอบ (Jingle)
2.ส่วนที่เป็น “ความรู้สึก” ที่เราอยากจะให้คนอื่น...
เขาได้รับรู้...หรือได้เข้าใจ...หรือมีอารมณ์ร่วมได้ว่า...
สินค้าของเรา...แบรนด์ของเราเป็นอย่างไร...
ซึ่งส่วนตรงนี้แหละครับ...ที่โดยส่วนตัว...
ผมว่ามันคือ input...หรือเป็น “แนวทาง” ให้กับตราสินค้า…
ว่าจะต้องเป็นอย่างโน้น…อย่างนี้นะ…
เช่น…เราอยากสร้างความรู้สึกว่าแบรนด์สินค้าของเรา
เป็นสินค้าที่หรูหราอลังการ คลาสสิค…
แต่เพลงประกอบการเป็น Hip Hop...
ถ้าเป็นแบบนี้...ผมว่ามันคงจะเลยเถิดไปหน่อย...
ดังนั้นก่อนที่เราจะสร้างความรู้สึก...
หรือฟิลลิ่งให้แบรนด์...
มันจะต้องมีเรื่องราวมาก่อนหน้านั้น...
หลังจากนั้นก็ไปแสดงผลออกมา...
ผ่านทางโลโก้สินค้า...เพลงประกอบ...
หนังโฆษณา...บทความ Advertorial...
โพสต์ใน FB…เป็นต้น...
ถ้าเรามีเรื่องราวอยู่แล้ว...ก็หยิบบางประเด็นมาใช้...
ถ้าไม่มี...เราก็จำเป็นที่จะต้องสร้างมันขึ้นมา...
ผมมีกฏอยู่ข้อเดียว...ในการสร้างเรื่องราวเพื่อการแบรนดิ้ง...
นั่นก็คือ...ท่านจะต้อง “ไม่” โกหกผู้บริโภคเด็ดขาดครับ...
รวมไปถึงการ “เฟค”ด้วยนะครับ...พี่น้อง...
เด๊ยวนี้ผู้บริโภคสามารถจับผิดท่านได้โดยง่าย...
ท่านไม่สามารถ “เฟค” ได้ตลอดเวลาหรอกครับ...
ส่วนตัว...เวลาผมต้องไปสร้างแบรนด์สินค้า...
ผมมักจะเริ่มต้นการคิดมาจาก 3 แหล่งใหญ่ๆ...
สินค้า
เจ้าของกิจการ
บริษัท
1.การสร้างแบรนด์...จากตัว “สินค้า"
“ท่าบังคับ” ในการสร้างเรื่องราว...
ควรจะเริ่มต้นจากตัวสินค้าเสมอ...
เพราะตัวสินค้าเป็นจุดสัมผัส (touching point)...
ที่ “ใกล้” กับกลุ่มเป้าหมายที่สุดแล้ว...
ถ้าสินค้าคุณภาพใกล้เคียงกัน...
ราคาพอๆกัน...หรือบางทีราคาอาจจะสูงกว่าด้วยซ้ำ...
สินค้าตัวนั้นก็มีโอกาสขายได้สูงขึ้น...
วันก่อนผมเดินไปแผนก Body Care...
ในห้างฯสรรพสินค้าแถวบ้าน...
ไปสะดุดตากับสินค้าตัวหนึ่ง...
ผมชอบตรงที่เขาสร้างเรื่องราว...
โดยใช้ Key Message...ที่ง่ายและตรงประเด็น...
ทั้งคำพูดและภาพประกอบ...สีสันของกล่อง...
สินค้าที่เป็นผู้นำในตลาด...หอยทาก...
สินค้าที่เป็นผู้นำในตลาด...ก็มาจากเกาหลี...
ยี่ห้อนี้มาทีหลัง...ก็ใช้หอยทาก
แล้วก็มาจากเกาหลีเหมือนกัน...
แต่ฉัน..เลือกคัดเฉพาะสายพันธุ์นี้นะเฟ้ย!!!!
เท่านั้นยังไม่พอ...ต้องมีเรื่องราวความเป็นเกาหลีเข้าไปอีก...
หอยทากที่ฉันใช้...ไม่ใช่หอยทากดาดๆนะจ๊ะ...
เพราะฉันเป็นหอยทากพลังโสม...
ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า...หอยทากพลังโสม...
หมายความว่าอะไรเหมือนกันนะ...
ให้หอยทากกินโสม...
แล้วเอาหอยทากมาทำผลิตภัณฑ์...
หรือ...เอาโสมผสมไปที่ผลิตภัณฑ์ตรงๆ...
หรือ...เลี้ยงหอยทากให้อยู่บนกองโสม...
ผมมาคิดต่อว่า...
ถ้าต้องทำตลาดสินค้าคล้ายๆตัวนี้...
เรื่องราวที่คิดไว้...ในแว๊บแรก...
“เราคัดเลือกหอยทากสายพันธุ์นี้แหละ...
แต่เราจะคัดเฉพาะหอยทากตัวที่เดินเร็วที่สุดในฟาร์มเท่านั้น…
เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ของเรา...เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด”...
จบไปสำหรับ...
การสร้างแบรนด์...โดยตั้งต้นมาจากตัวสินค้า...
2.การสร้างแบรนด์จาก... “ตัวเจ้าของกิจการ”
โดยปรกติลูกค้าของผมจะเป็นบรรดา...
บริษัท SME ซะส่วนมาก...
ข้อจำกัดอันหนึ่งของลูกค้าของผมก็คือ...
สินค้าก็คล้ายๆกับคนอื่น...
หาความแตกต่างอย่างมี “นัยสำคัญ”...ได้ยากสุดๆ...
ครั้นจะให้ผลิตสินค้าที่มีความ “แตกต่าง” จริงๆ...
ก็มีความเสี่ยงสูงว่าจะขายได้หรือเปล่า...
เพราะมันอาจจะแตกต่างซะจน...คนไม่ยอมรับ...
นอกจากนี้...อาจจะมีข้อจำกัดในเรื่องของ...
จำนวนออเดอร์การสั่งผลิตขั้นต่ำ (MOQ) เข้าไปอีก…
คราวนี้ถึงแม้ตัวสินค้าเราสามารถสร้าง “เรื่องราว” ได้แล้ว…
แต่ถ้ายังไม่ “แข็งแรง” พอ…ที่จะโน้มน้าวให้ผู้บริโภคเข้าใจ..สนใจได้…
ขั้นตอนต่อไปก็คือ…
เริ่มสร้างเรื่องราวของตัวเจ้ากิจการ…
ถ้าหน้าตาของเจ้าของ…พอไปวัดไปวาได้…
แล้วก็ไม่มีประวัติเสียหายประการใด…
คราวนี้ก็ต้องเริ่มหา “มุมเข้า” เท่ๆ...หล่อๆ…ซักหน่อย…
เช่น…งานอดิเรก…ถ้าชอบเล่นกอล์ฟ…
ก็เอามุมนี้มาพูด…
อาจจัดแข่งกอล์ฟโดยบริษัทรับเป็นเจ้าภาพซะเลย…
ถ้าชื่นชอบวัวชน...ไก่ชน...
ก็จะแนะนำให้เขียนบทความ...
อาจจะเริ่มต้นในเฟซบุ๊คก่อน...
ถ้าจบการศึกษาด้านวิศวะจากเมืองนอกมา…
ก็สร้างเรื่องราวประมาณว่า…
อยากจะสานต่อธุรกิจโรงงานของครอบครัว…
แล้วสร้างตัวตนขึ้นมาเป็นประมาณ...
คนวัยหนุ่มรุ่นใหม่...ไฟแรง...
การศึกษาดี...แต่มีความเป็นผู้ใหญ่...สัมมาคารวะสูง...
ถ้ายังนึกไม่ออกว่า...
การสร้างแบรนด์จากเจ้าของกิจการไม่ออก...
ให้ลองหลับตานึกถึง...”เจ้าพ่อชาเขียว”ครับ...
3.สร้างแบรนด์จาก... “ตัวบริษัท”
ตอนนี้พอได้เรื่องราวในส่วนของ “เจ้าของกิจการ”แล้ว...
ก็ได้เวลาชายตามาเหลียวมอง...
การสร้างเรื่องราว...ของบริษัทมั่ง...
เอาแบบว่าขุดปูมบริษัทฯขึ้นมาดูเลยครับ...
ไม่ได้พูดเล่นนะครับ...
ผมเคยเอาหนังสือประวัติบริษัทฯขึ้นมาดู...
เผอิญไปเห็นว่า...แต่เดิมบริษัทฯเรามีรากเหง้ายังไง...
แล้วผมก็ย้อนกลับไปจุดตั้งต้นธุรกิจ...
ย้อนกลับไปหา “จุดแข็ง”เดิม...
หลังจากนั้นก็เร่ิมเปลี่ยน...
กลุ่มสินค้าที่ขายอยู่ในปัจจุบัน...
ที่กำลังอยู่ในช่วง “ขาลง”...
เปลี่ยนมาเป็นกลุ่มสินค้าดั้งเดิม...
ที่เป็น DNA ของบริษัทฯจริงๆ
แต่เราดันหลงลืมกันไป...
นอกจากนี้...
เราสามารถพบเห็นได้บ่อยๆ...
อย่างเช่น...
ฉลองครบรอบ 50 ปี...
บริษัทได้รับรางวัลดีเด่นโน่นนี่....
หรือจะหยิบยกเรื่องราวความภูมิใจในอดีต...
กลับมาเล่าขานใหม่...
ข้อควรระวังอย่างเดียว...
ในการสร้างเรื่องราว...
เพื่อการสร้างแบรนด์โดยเน้นที่ตัวเจ้าของกิจการ...
นั่นคือ...
การเอาตราสินค้า...ไปผูกกับคนๆเดียวนะครับ...
เจ้าของกิจการดี...แบรนด์ก็อาจจะดังตามไปด้วย...
แต่ถ้ากลับกัน...แบรนด์อาจจะ “ดับ” ได้เช่นเดียวกัน...
บทความและเนื้อหาทั้งหมดนี้...
สามารถเผยแพร่ได้โดยสะดวกครับ...
-บุ้ง ดีดติ่งหู-
Marketing&Sales Consultant
The Underdog Marketing
Line id: wichawut_boong
email: [email protected]
Phone: 089-7991949
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า